กรุงเทพฯ — รัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธที่อยู่เบื้องหลังการรณรงค์แบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันศุกร์ กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างพวกเขาได้เคลื่อนไหวทางออนไลน์เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ทั้งทีมเจรจาของรัฐบาลและแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ หรือ บีอาร์เอ็น ต่างยืนยันในถ้อยแถลงแยกกันว่าการประชุมออนไลน์เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ มีการกล่าวถึงหัวข้อของการหารือว่ารวมถึงการลดระดับปฏิบัติการติดอาวุธ และการแก้ปัญหาอย่างสันติต่อความขัดแย้งนองเลือดในภูมิภาคนี้ หรือที่เรียกว่าภาคใต้ตอนล่าง
“การเริ่มต้นใหม่ของกระบวนการเจรจาสันติภาพคือความพยายามร่วมกันและคำมั่นสัญญาระหว่างทั้งสองฝ่ายในการแสวงหาวิธีแก้ปัญหาอย่างสันติและประกันความต่อเนื่องของกระบวนการ” ส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงภาษาอังกฤษที่เผยแพร่โดยรัฐบาล ระบุ
“บรรยากาศของการประชุมเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมเสมือนเป็นประจำในอนาคต ซึ่งจะส่งเสริมความร่วมมือและนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้”
ถ้อยแถลงที่ออกโดยบีอาร์เอ็นได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสนทนา กลุ่มกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายหารือกันเรื่อง “การลดปฏิบัติการทางทหาร” และ “การแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสันติในปาตานี เพื่อให้บรรลุความปรารถนาของประชาชนและหลักการสิทธิมนุษยชนสากล”
ปาตานีเป็นชื่อของรัฐเอกราชที่มีมานานหลายศตวรรษในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสในปัจจุบัน รัฐสุลต่านถูกผนวกโดยทางการไทยเมื่อต้นศตวรรษที่ 20
“ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะมีการประชุมทางเทคนิคออนไลน์เป็นระยะๆ ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามบรรทัดฐานที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้” กลุ่มนี้กล่าวตามคำแปลที่จัดทำโดยนักวิชาการชายแดนใต้คนสำคัญ
“บีอาร์เอ็นหวังว่าการเจรจารอบนี้จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนของสังคมและจะดำเนินไปอย่างราบรื่น”
การระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศไทยและมาเลเซียนำไปสู่การปิดพรมแดนและการหยุดชะงักของการเดินทางระหว่างทั้งสองประเทศอย่างรุนแรง
การระบาดใหญ่ยังส่งผลกระทบที่ขัดแย้งต่อความรุนแรงของลัทธิแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ตอนล่าง กระตุ้นให้บีอาร์เอ็นประกาศ “ยุติปฏิบัติการทั้งหมด” ในภูมิภาคด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่เชื่อมโยงกับการรณรงค์แบ่งแยกดินแดนตลอดปี 2563 ต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมาก
ความขัดแย้งซึ่งเกิดจากความเป็นปฏิปักษ์ทางชาติพันธุ์และศาสนา ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 7,000 คนนับตั้งแต่เริ่มปะทุขึ้นในปี 2547 ตามรายงานของหน่วยงานเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชน เหยื่อส่วนใหญ่เป็นพลเรือน แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะตกเป็นเป้าหมายอยู่เป็นประจำ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตำรวจ 5 นายได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดบนเส้นทางสายตรวจในจังหวัดนราธิวาส ผู้สืบสวนกล่าวโทษกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนในท้องถิ่นว่าเป็นผู้ลงมือโจมตี
